Share
รีวิว Bridgestone EP300 ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นพี่อย่าง EP200 ตอกย้ำเรื่องการประหยัดน้ำมันและความปลอดภัยสวัสดีครับ หลังจากที่ออกรถมาได้ 3ปี พอดิบพอดี ใช้งานล่วงเลยไปกว่า 8หมื่น กม ประจวบเหมาะกับช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ฝนตกแทบจะทุกวัน ขับไปไหนมาไหนเจอน้ำขังบนพื้นถนนก็บ่อย ผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ความปลอดภัยน่าจะเป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงในการใช้รถใช้ถนนทุกครั้ง ผมจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนยางสักรอบครับ และไหนๆเปลี่ยนทั้งที ขออนุญาตเขียนรีวิวเป็นบทความสั้นๆให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกัน ว่ายางที่ผมเลือกมานั้น ได้ลองใช้แล้วเป็นยังไงมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
ยางรถยนต์ในตลาดบ้านเรานั้นมีมากมายหลายยี่ห้อ ตัวเลือกมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวของผมว่าการเปลี่ยนยางครั้งนี้จะใช้ตัวไหนดี ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งเรื่องของความปลอดภัย การเกาะถนน ความนุ่มเงียบและประหยัดน้ำมันในราคาที่คบหาได้ Bridgestone เป็นชื่อแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวสมองของผม เพราะชื่อเสียงค่อนข้างดีในวงการ
พอพูดถึง Bridgestone นั้นก็เพิ่งได้เปิดตัวยางรุ่นใหม่อย่าง Ecopia EP300 สดๆร้อนๆ ยางที่มาต่อยอดความสำเร็จจาก รุ่นพี่อย่าง EP200 ที่ทำชื่อเสียงไว้อย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยได้ใช้งานเจ้า EP200 มาบ้างและค่อนข้างประทับใจในหลายๆอย่าง เลยปฎิเสธไม่ได้เลยว่า EP300 แทบจะเป็นตัวเลือกเดียวในหัวของผมไปโดยปริยาย

สิ่งที่ Bridgestone EP300 พัฒนามาจาก EP200 จากการศึกษาข้อมูล สรุปคร่าวๆ ก็คือ เน้นเรื่อง ประหยัดน้ำมัน การควบคุมบนถนนเปียก และอายุการใช้งานที่มากขึ้นครับ โดยอาศัยการเปลี่ยนวัสดุ ลายดอกยางและองศาต่างๆใหม่ ปกติ Bridgestone เป็นยางที่ขึ้นชื่อเรื่องอายุการใช้งานอยู่แล้ว เสริมให้ดีขึ้นไปอีกแบบนี้รออะไร จัดเลยครับ

รถที่ทำการเปลี่ยนยางวันนี้คือ Altis Esport เดิมๆ นี่ล่ะครับ เน้นใช้ขับทำงานไม่ได้ปรับแต่งอะไร ขนาดยาง 215/50/17 ขอบคุณศูนย์บริการ Cockpit ทรัพย์ไพศาล บางบอน ที่ช่วยดูแลให้อย่างดีครับ








ทำการเปลี่ยนยาง ถ่วงล้อเรียบร้อย ก็ได้เวลาสัมผัสพื้นครั้งแรกครับ หน้าตาโดยรวมของยางก็เป็นยางรถบ้านปกติ ไม่ใช่ยางแนวสปอร์ตหรือยางซิ่งอะไร แต่ก็แอบตกใจปน surprise ว่า ยางตัวนี้มีริมการ์ดมาด้วย ไม่รอช้า ไปเทสกันเลยดีกว่า


สัมผัสพื้นครั้งแรกกับพื้นถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนที่โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นถนนที่ยางอะไรมาวิ่งก็ดัง เมื่อพอได้เอา EP300 ลงไปวิ่งจริงๆ กลับรู้สึกประทับใจในเรื่องของการเก็บเสียงที่ทำได้ดีพอสมควร ไม่ได้ดังน่ารำคาญเหมือนที่เคยผ่านหูมา กับฟิลลิ่งที่ไม่แข็งกระด้าง ขับแล้วรู้สึกสบายๆ นุ่มๆ เรื่อยๆ จึงทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างสุนทรีย์
ผมได้ทดลองเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็พบว่าการควบคุมพวงมาลัยนั้นยังคง มั่นคงและแม่นยำอยู่ ไม่มีอาการวอกแวกมากวนใจเท่าไหร่ รวมถึงการทดสอบเข้าโค้งที่ความเร็วต่างๆ ผมก็ยังสามารถบังคับรถผ่านไปได้แบบไม่ต้องลุ้นอะไรมากนัก เท่ากับว่าวันแรกที่รู้จักกันถือว่าผ่านครับ

ผมได้ทดลองใช้ยาง EP300 อยู่เกือบๆ 1 สัปดาห์ ซึ่งโดยปกติเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็ว และขับรถไปทำงานไปกลับวันละประมาณ 70 กม. พอจะสรุปได้ว่าเรื่องความปลอดภัยต่างๆ นั้นสอบผ่านแบบไม่ต้องลุ้น ทั้งเรื่องการเกาะถนน โดยเฉพาะร่องรีดน้ำที่ทำงานได้ดีบนพื้นที่มีน้ำขังหรือยามฝนตก ระยะเบรกที่ไว้ใจได้ บ้านเราฝนตกปีละ 8 เดือน เลือกยางทั้งทีขอชัวร์ๆ เรื่องถนนเปียกดีกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากเป็นพิเศษคือเรื่องการประหยัดน้ำมัน รู้สึกได้ว่ารถสามารถไหลได้เรื่อยๆ มากกว่ายามที่เรายกคันเร่ง หรือการออกตัวที่ใช้คันเร่งน้อยกว่าเดิม รวมถึงตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่แสดงบนจอ MID ก็แสดงผลที่มากกว่าเดิมเช่นกัน

สรุปว่าการเลือก Bridgestone Ecopia EP300 ในครั้งนี้ของผมนั้นไม่ผิดหวังอย่างที่หวังไว้แต่แรกจริงๆครับ ยางสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผมได้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องความปลอดภัยพื้นฐาน การเกาะถนนพื้นแห้งพื้นเปียก ระยะเบรก เรื่องของเสียงรบกวนที่ Bridgestone พัฒนามาได้ถูกทางแล้ว รวมถึงเรื่องเด่นอย่างเรื่องการประหยัดน้ำมันที่ทำให้ตีนผีอย่างผมประหยัดค่าน้ำมันลงไปได้บ้างตามที่เค้าโฆษณาไว้จริงๆ ครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://bridgestone.co.th/th/ECOPIA/EP300/index.php